game Search

Custom Search

Advertising

วันพุธที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2552

Biohazard Darkside Chronicle

















Biohazard Darkside Chronicle คืออีกหนึ่งความพยายามของ Capcom ในการนำซีรี่ส์ไบโอมาสู่เครื่อง Wii ในรูปแบบที่น่าจะเหมาะที่สุดสำหรับ Wii Mote หลังจากที่ภาคแรก Umbrella Chronicle ประสบความสำเร็จเกินคาดด้วยยอดขายหลักล้าน ทำให้ภาคนี้ถูกนำเสนอในรูปแบบที่ชัดเจนขึ้น ทั้งในส่วนของทุนสร้าง, การออกแบบการเล่น และองค์ประกอบอื่นๆสำหรับภาคที่สองในซีรี่ส์ Chronicle ภาคนี้ แบ่งเนื้อเรื่องออกเป็น 3 ส่วนหลักๆ คือเนื้อเรื่องเก่าอย่างภาค 2 และ Code Veronica กับเนื้อเรื่องใหม่ Operation Javier ซึ่งเนื้อเรื่องได้แบ่งออกเป็นตามลำดับดังนี้Operation Javier 1Biohazard 2Operation Javier 2Biohazard Code VeronicaOperation Javier 3สิ่งนึงที่แตกต่างจากภาค Umbrella Chronicle อย่างชัดเจนที่สุด ก็คือการออกแบบใหม่ ทั้งในส่วนของเนื้อเรื่อง, เหตุการณ์, ดนตรีประกอบ, หรือแม้แต่กราฟฟิค ที่ได้รับการสรรสร้างขึ้นมาใหม่ ในขณะที่ภาคก่อนเลือกที่จะใช้การ Recycle กราฟฟิคบางส่วน ทำให้ภาค Dark Chronicle ภาคนี้มีความลงตัวมากขึ้นเพราะเหตุการณ์ในเกมไม่ได้จำเป็นต้องไปเป็นตามฉาก ที่ถูกนำมาใช้ใหม่ แต่เป็นการเลือกที่จะเล่าในส่วนที่ทางทีมงานต้องการจะเล่าจริงๆ
ความประทับใจของการเล่นเกมนี้ขอเล่าแยกออกเป็นสองส่วน ส่วนแรกคือเนื้อเรื่องเก่า ที่เรียกได้ว่าแฟนๆไบโอต้องชอบอย่างแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสองภาคที่มีบรรยากาศเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากที่สุด สำหรับภาคสองเนื้อเรื่องหลักเน้นไปที่การเล่นคู่กันของแคลร์และลีออน โดยการพบกับตัวละครเสริมระหว่างทางอย่าง Ada, Sherry, Ben, Brian และ Annete นั้นจะเจอพร้อมกัน เป็นการนำเนื้อเรื่องทั้ง 4 แบบของไบโอ 2 มาเล่าใหม่ในเวอร์ชั่นเนื้อเรื่องเดียวไม่แยกตัวละคร มุมมองหลักของภาคนี้มองผ่านมุมมองของแคลร์เป็นหลัก เนื้อเรื่องของเกมภาคนี้เรียกได้ว่าถูกตัดไปเยอะมากเลยทีเดียว แต่ก็ยังคงส่วนสำคัญๆไว้ครบ
น่าเสียดายที่ความพยายามเล่าเรื่องที่อยากจะให้กระชับมากเกินไป ทำให้การตัดต่อเนื้อเรื่องดูไม่ต่อเนื่องในบางส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้เล่นที่ผ่านประสบการณ์ไบโอมาแล้ว อาจจะรู้สึกติดขัดบ้างบางครั้ง ทั้งๆที่เกมนี้ทำออกมาได้ดีจนเกือบจะเป็นภาครีเมคของภาคสองเลยก็ว่าได้ ยิ่งช่วงท้ายกับจังหวะการสู้บอส เนื่องจากภาคสองเป็นหนึ่งในภาคที่มีตัวละครระดับบอสโผล่บ่อยที่สุด ทำให้ตอนท้ายของเกมนี้ดำเนินเรื่องเร็วจนรู้สึกได้ว่า มันจะรีบไปไหนส่วนภาค Code Veronica นั้นก็เป็นสไตล์เดียวกับภาคสอง คือนำเนื้อเรื่องมายุบรวมผ่านมุมมองตัวละครตัวเดียว (ภาคนี้ก็ยังเป็นแคลร์อยู่นั่นแล่ะ) หากให้เทียบกับภาคสองแล้ว รู้สึกได้ว่า Code Veronica ทำออกมาได้ดีกว่ามาก ทั้งในส่วนของการสร้างบรรยากาศและการเล่าเรื่อง โดยเฉพาะเหตุการณ์ช่วงเกาะ Rockford ทำออกมาให้อารมณ์ค่อนข้างครบ พร้อมทั้งยังเสริมในส่วนของวิธีการเล่าเรื่องแบบใหม่ในบางจุด สถานที่สำคัญ เหตุการณ์ และตัวละครที่ปรากฏ มีความสมบูรณ์มาก แม้ว่าเหตุการณ์ช่วงตะลุยขั้วโลกใต้จะรวบรัดมากไปหน่อยก็ตาม
เนื้อเรื่องทั้งสองส่วนใช้ดนตรีประกอบของภาคเก่ามาดัดแปลงใหม่ ทั้งเวอร์ชั่นบรรเลงช้าๆตามแนวเกมสยองขวัญ หรือแนวตื่นเต้นระทึกตามแนวเกมชู้ตติ้ง จุดนี้ถือเป็น Fan Service แบบสุดๆ และเข้ากันได้ดีกับบรรยากาศเกมค่อนข้างมาก วิธีการเล่นถูกปรับเปลี่ยนไปค่อนข้างเยอะ แน่นอนว่าไม่มีการพูดถึงปริศนาใดๆ เน้นไปที่การเดินผ่านจุดสำคัญเป็นหลัก (Code Veronica มีปริศนาให้นิดนึง พอหอมปากหอมคอ) ที่น่าสนใจคือการเปลี่ยนทั้งในส่วนของสถานที่และวิธีการสู้บอส ที่เปลี่ยนใหม่ทั้งหมด ซึ่งจะเป็นยังไงคงต้องให้ไปเล่นกันเอง แต่ส่วนตัวแล้วค่อนข้างชอบเลยทีเดียว
สำหรับเนื้อเรื่องส่วนที่สอง Operation Javier ถูกนำมาเล่าคั่นสลับกับเนื้อเรื่องเก่า ผ่านมุมมองของ Leon ด้วยความพยายามเชื่อมต่อในการเล่าย้อนไปยังเหตุการณ์ที่ทำให้เค้าต้องเข้ามา พัวพันกับ Operation ครั้งนี้ (Biohazard 2) และที่มาของเชื้อต้นเหตุของ Operation Javier (Biohazard Code Veronica)\
ตัวละครหลักของ Operation Javier คือ Leon และ Krauzer เหตุการณ์ของเกมก็ง่ายๆคือ ทั้งสองบุกตะลุยไปยังอเมริกาใต้ ที่ซึ่งมีข่าวว่าเชื้อไวรัสได้ถูกนำมาแพร่กระจายจนก่อให้เกิด Outbreak ในหมูบ้าน โดยผู้ที่เป็นต้นตอสำคัญคือผู้มีอิทธิพลนามว่า Javier, โดยระหว่างทางทั้งคู่ได้เจอกับเด็กสาวลึกลับ Manuelaเนื้อเรื่อง Operation Javier ไม่ได้มีความลึกลับซับซ้อนมากมายนัก และถ้าหากเอาเนื้อเรื่องที่แยกเล่ามารวมกันก็น่าจะได้ความยาวพอๆกันกับภาค 2 หรือ Code Veronica และน่าเสียดายว่าเหตุการณ์เกี่ยวกับ Krauzer ที่ผู้เล่นคงอยากจะรู้ว่าที่มาที่ไปของเค้าเป็นยังไงจึงทำให้ไปลงท้ายในภาค 4 กลับไม่ได้ถูกเล่าอะไรเลย โฟกัสสำคัญกลับไปตกอยู่ที่การแพร่กระจายของเชื้อในหมู่บ้าน และการทำงานร่วมกันระหว่าง Leon กับ Krauzer เสียมากกว่า แม้แต่จุดไคลแมกซ์ของเนื้อเรื่องนี้ก็ไม่มีอะไรมากเป็นพิเศษ และเป็นมุขที่ Capcom นำมาใช้เล่ากับเกมซีรี่ส์ไบโออยู่บ่อยๆ จนบางทีก็เริ่มรู้สึกเบื่อแล้วเหมือนกัน นี่ยังไม่เล่าถึงบางจุดของเกมที่เรียกได้ว่า หลุดจากความเป็นไบโอไปเลยนะ หากจะให้พูดตรงๆ ส่วนตัวไม่ได้รู้สึกประทับใจกับเนื้อเรื่องในส่วนนี้มากนัก กลับกันการได้กลับไปเล่นฉากเก่าๆในภาค 2 หรือ Code Veronica ดันกลับสร้างความตื่นตาตื่นใจให้ได้มากกว่าอีก
เล่นจบทั้งหมดใช้เวลาประมาณวันนึง (มีงีบหลับประมาณ 2-3 ครั้งเนื่องจากเกมตื่นเต้นจัด) จบแล้วยังมีในส่วนของ Archive ที่ไว้สะสม โมเดลตัวละคร, รายละเอียดเนื้อเรื่อง, มูวี่, เพลงประกอบ ซึ่งแน่นอนว่าคงต้องมีการเล่นซ้ำเพื่อเก็บให้ครบ อ้อ มี Online Ranking ไว้เทียบคะแนนสะสมกับเพื่อนๆด้วยนะสรุปแล้วความประทับใจค่อนข้างผสม มีทั้งส่วนที่ชอบก็คือการเปลี่ยนแปลงวิธีเล่าเนื้อเรื่องใหม่และการเล่นแบบ ใหม่ และไม่ชอบคือสปีดและวิธีการเล่นบางจุดที่อาจจะสร้างความน่าเบื่อได้ ค่อนข้างเหมาะกับคนที่เป็นแฟนซีรี่ส์นี้มาแล้วมากกว่าผู้เล่นหน้าใหม่ที่คาด หวังจะมาเจอเกมชู้ตติ้งอาเขตแบบที่เคยเห็นกัน แต่อย่างน้อยก็ทำได้ดีกว่าภาคก่อนแทบทุกจุด ถ้าไม่คิดอะไรมากลองหยิบมาเล่นกันดูก็สร้างความบันเทิงได้ระดับนึงเลยนะ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น